roselle-cover

กระเจี๊ยบแดง สรรพคุณทางยา

กระเจี๊ยบแดงหรือกระเจี๊ยบเปรี้ยว เป็นสมุนไพรที่นิยมนำมาต้มกินเป็นเครื่องดื่ม แต่นอกจากจะดื่มเพื่อให้สดชื่นแล้ว กระเจี๊ยบแดงยังมีสรรพคุณ ประโยชน์ในทางการแพทย์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การลดความดัน ลดไขมัน ลดเบาหวาน ต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง ปกป้องไต ปกป้องตับ ต้านแบคทีเรีย ซึ่งในบัญชียาหลักแห่งชาติของประเทศไทย พ.ศ.2566 จัดให้กระเจี๊ยบแดงอยู่ในยากลุ่มขับปัสสาวะและแก้ขัดเบา นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณอื่นๆ อีก การกินกระเจี๊ยบแดงให้ได้ประโยชน์ควรกินในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลตามงานวิจัยต่างๆ ด้วย และไม่กินมากเกินจนส่งผลเสียต่อร่างกาย ข้อมูลทั่วไป ชื่อภาษาอังกฤษ: Roselle ชื่อวิทยาศาสตร์: Hibiscus sabdariffa L. อยู่ในวงศ์ MALVACEAE ชื่ออื่นๆ: ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง ส้มพอเหมาะ ส้มตะเลงเครง ส้มปู กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบแดง กระเจี๊ยบเปรี้ยว ส้มพอดี ใบส้มม่า ส่วนสำคัญทางยา: กลีบเลี้ยง(calyces) ของดอกกระเจี๊ยบแดงหรือที่เราเห็นเป็นลูกแดงๆ เป็นส่วนที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์มากที่สุด เนื่องจากเป็นส่วนที่อุดมไปด้วยสารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ทางยา ได้แก่ สารกลุ่มกรดอินทรีย์ สารกลุ่มฟีนอลิก สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ และสารกลุ่มแอนโธไซยานิน สรรพคุณทางยา ลดความดันโลหิต กระเจี๊ยบแดงสามารถลดความดันโลหิตได้ทั้งขณะหัวใจบีบตัวและขณะหัวใจคลายตัว มีงานวิจัยที่พบว่า การดื่มชากระเจี๊ยบแดงวันละครั้งสามารถลดความดันโลหิตจาก 180/120 มิลลิเมตรปรอท เป็น 150/100 มิลลิเมตรปรอท นอกจากนี้มีงานวิจัยอื่นๆ ที่มาช่วยยืนยันคือคนที่ดื่มชากระเจี๊ยบแดงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ สามารถลดความดันขณะหัวใจบีบตัว ได้ 11.2% และลดความดันขณะหัวใจคลายตัวได้ 10.7% กินชากระเจี๊ยบแดง 3 กรัม ชงกับน้ำร้อน 150 มิลลิลิตร ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน ลดความดันโลหิตได้ร้อยละ 43.5 ทั้งขณะหัวใจบีบตัวและขณะหัวใจคลายตัว ผลการวิจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าการกินชากระเจี๊ยบแดงเป็นประจำช่วยลดและควบคุมความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจได้โดยไม่ทำให้เกิดความดันโลหิตต่ำ ลดเบาหวาน สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดในคนที่สุขภาพดี คนที่มีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวาน รวมไปถึงคนที่เป็นเบาหวาน โดยขนาดที่กินแต่ละงานวิจัยจะแตกต่างกันดังนี้ ดื่มชากระเจี๊ยบแดง 3 กรัม ชงกับน้ำร้อน 150 มิลลิลิตร ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน สามารถลดระดับน้ำตาลสูงสุดจากเฉลี่ย 162.1 เป็น 112.5 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร คนที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 2 ที่กินกระเจี๊ยบแดง 500 มิลลิกรัม/เม็ด 2 ครั้งต่อวัน พบว่า สามารถลดระดับน้ำตาลขณะอดอาหารได้ ลดไขมันและความอ้วน การกินกระเจี๊ยบแดงเพิ่มไขมันชนิดดี (HDL) และลดไขมันชนิดที่ไม่ดี โดยปริมาณการกินที่แตกต่างกันให้ผลลัพธ์เกี่ยวกับการลดไขมันดังนี้ กินผงกระเจี๊ยบ 500 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ สามารถลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ได้ ดื่มชากระเจี๊ยบแดง 3 กรัม ชงกับน้ำร้อน 150 มิลลิลิตร ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน สามารถเพิ่มไขมันชนิดดี (HDL) และลดไขมันชนิดที่ไม่ดี เช่น ไขมันชนิดเลว (LDL)ไตรกลีเซอไรด์ (TG) และอะโปโปรตีน-บี100 ดื่มชากระเจี๊ยบแดง 2 กรัม ชงกับน้ำร้อน 150–240 มิลลิลิตร 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลาต่อเนื่อง 1 เดือน สามารถเพิ่มไขมันดี (HDL) และลดไขมันไม่ดีตัวอื่นๆ เช่น ไขมันชนิดเลว (LDL)ไตรกลีเซอไรด์ (TG) และอะโปโปรตีน-บี100 ขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา สามารถใช้เป็นยาสมุนไพร โดยมีการระบุในบัญชียาหลักแห่งชาติชัดเจนในแง่ของการขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ผู้หญิงที่กินยาเม็ดที่มีกระเจี๊ยบแดงผสมกับบอสเวลล์เลีย(จากต้นบอสเวลล์) เป็นเวลา 2 ครั้งต่อวัน ต่อเนื่อง 7 วัน สามารถลดอาการทางเดินปัสสาวะอักเสบและลดการกลับมาเป็นซ้ำ ซึ่งผลลัพธ์คล้ายกับยาต้านแบคทีเรีย ผู้ที่ใส่สายสวนปัสสาวะที่ดื่มเครื่องดื่มจากกระเจี๊ยบแดงลดโอกาสการกลับมาเป็นโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบซ้ำได้ถึง 36% ฤทธิ์ขับปัสสาวะ พบว่าการดื่มเครื่องดื่มที่มีกระเจี๊ยบแดงสามารถขับปัสสาวะ ซึ่งมากน้อยตามปริมาณที่กิน แต่ไม่มีผลป้องกันนิ่วในไต ลดไข้และต้านการอักเสบ โดยทำให้ตัวชี้วัดการก่อไข้และการอักเสบลดลง ผู้ป่วยที่ดื่มสารสกัดกระเจี๊ยบแดง สามารถลดระดับโปรตีนที่เป็นตัวชี้บ่งว่ามีการอักเสบได้ 23.2% นอกจากนี้ยังสามารถลดระดับโปรตีนที่ตอบสนองต่อการอักเสบได้ในผู้ป่วยโรคไตที่เป็นเบาหวาน ต้านมะเร็ง ยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็งโดยใช้หลักการเหนี่ยวนำการตายของเซลล์(apoptosis) ซึ่งกลไกนี้จะช่วยกำจัดเซลล์ที่เสียหายหรือผิดปกติที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ ปกป้องไต ประโยชน์ของกระเจี๊ยบแดงที่อาจส่งผลต่อไต ได้แก่ การทำงานของไตที่ดีขึ้นและผลต่อการขับกรดยูริก ในขณะที่ผลของยาขับปัสสาวะและการขับโซเดียมอาจส่งผลดีต่อความดันโลหิตสูง การทำงานของไต ผู้ที่กินสารสกัดแห้งของกระเจี๊ยบแดง 425 มิลลิกรัม (ที่มีสารแอนโทไซยานิน 5.5 มิลลิกรัม) วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สามารถช่วยการทำงานของไตในผู้ป่วยโรคไตที่เป็นเบาหวาน โดยทำให้ไตสามารถขับของเสียออกจากเลือดได้มากขึ้น ปกป้องตับ ไขมันพอกตับ การกินสารสกัดกระเจี๊ยบแดง 450 มิลลิกรัม (แคปซูล) 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ สามารถลดการเกิดพังผืดในตับคือสามารถลดความเสียหายที่เกิดกับตับได้ โรคเกาต์และกรดยูริกสูง ผลต่อกรดยูริกในเลือด การศึกษาผลของการดื่มชากระเจี๊ยบแดง (ผง 1.5 กรัม ในน้ำร้อน 150 มล. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 15 วัน) ต่อคนที่มีสุขภาพแข็งแรงและผู้ที่มีประวัตินิ่วในไต ทั้งสองกลุ่มพบว่ามีการขับออกซาเลต ซิเตรต และกรดยูริกเพิ่มขึ้น โดยมีผลชัดเจนยิ่งขึ้นในผู้ที่มีประวัตินิ่วในไต ซึ่งชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นในการจัดการภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์ ต้านแบคทีเรีย ในการศึกษาในสัตว์ทดลองและห้องทดลองพบว่ากระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย แต่การศึกษาในคนค่อนข้างมีน้อย ต้องศึกษาเพิ่มมากกว่านี้ ฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย สารสกัดกระเจี๊ยบที่สกัดโดยใช้เมทานอล พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญทั้งแบคทีเรียแกรมบวกและแบคทีเรียแกรมลบ โดยเฉพาะแบคทีเรียแกรมบวก ปวดท้องประจำเดือน อาจจะช่วยอาการปวดท้องประจำเดือนได้ เพราะมีฤทธิ์ลดการอักเสบ แต่อย่างไรก็ตามถ้าจะดูเฉพาะอาการปวดท้องประจำเดือนอาจต้องรอการศึกษาเพิ่มเติม ปริมาณที่แนะนำ/ระยะเวลากิน เนื่องจากสมุนไพรในการทดลองจะมีการกินปริมาณที่แตกต่างกันมาก ทำให้ค่อนข้างยากที่จะระบุให้ชัดเจนว่าควรกินเท่าไร ถ้าดูตามงานวิจัยการกินที่ง่ายที่สุดที่ครอบคลุมคือปริมาณกระเจี๊ยบ 2-3 กรัม ชงกับน้ำ(กินแบบชา) ...

October 8, 2024 · 3 min