รางจืดเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณหลักๆ ที่เป็นที่รู้จักคือล้างสารพิษ(ถอนพิษ) แต่นอกจากนี้รางจืดยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องตับ ลดน้ำตาลในเลือด ต้านแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ลดการอักเสบ แก้ปวด ลดไข้ หรือแม้กระทั่งช่วยยับยั้งสารที่เกี่ยวข้องกับการแก่ ซึ่งถือเป็นพืชที่มีประโยชน์มากๆ อีกตัว นอกจากนี้ความเป็นพิษยังค่อนข้างต่ำ แต่สามารถส่งผลรบกวนการกินยาบางตัวได้
ข้อมูลทั่วไปของรางจืด
ชื่อภาษาไทย: รางจืด
ชื่อภาษาท้องถิ่นไทย: กำลังช้างเผือก เครือเขาเขียว ขอบชะนาง ยาเขียว(ภาคกลาง) คาย รางเย็น(ยะลา) จอลอดิเออ ซั้งกะ ปั้งกะล่ะ พอหน่อเตอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ดุเหว่า(ปัตตานี) ทิดพุด(นครศรีธรรมราช) น้ำนอง(สระบุรี) ย่ำแย้ แอดแอ(เพชรบูรณ์)
ชื่อภาษาอังกฤษ: Trumpet vine, Laurel clockvine
ชื่อวิทยาศาสตร์: Thunbergia laurifolia
ส่วนสำคัญทางยา: ใบ เปลือกและราก แต่นิยมใบที่สุด
รางจืดเป็นพืชสมุนไพรประเภทไม้เลื้อยหรือไม้เถาในวงศ์เหงือกปลาหมอ(Acanthaceae) ดอกจะเป็นสีม่วงอ่อน ๆ มีถิ่นกำเนิดตั้งแต่ประเทศอินเดียและประเทศไทยไปจนถึงประเทศมาเลเซีย
สรรพคุณแผนโบราณ
- รากและใบใช้เป็นยาแก้ร้อนใน กระหายน้ำ ยาถอนพิษไข้ ยาพอกบาดแผล ถอนพิษยาฆ่าแมลง แก้พิษแอลกอฮอล์ แก้อาการเมาค้าง และบรรเทาอาการผื่นแพ้
- ที่ประเทศมาเลเซีย มีการนำน้ำคั้นจากใบมาต้มดื่มแก้ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือใส่ในหูแก้หูหนวก และนำมาพอกแผลหรือฝี
สรรพคุณทางยา
การล้างพิษ
- รางจืดประสิทธิภาพในการล้างพิษสูงเมื่อเทียบกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ทันทีหลังจากได้รับสารพิษ
- นักวิจัยให้หนูกินสารสกัดจากใบรางจืดก่อนไปเจอสารพิษ(แคดเมียม) แล้วพบว่าหนูที่กินสารสกัดจากรางจืด มีอาการผิดปกติน้อยกว่าหนูที่ไม่ได้กินสารสกัดจากใบรางจืด
- นอกจากนี้ยังพบว่าการกินสารสกัดรางจืดก่อนไปเจอสารพิษช่วยลดอาการผิดปกติได้มากกว่าการกินหลังจากเจอสารพิษ
- เกษตรกรที่ได้กินยาแคปซูลรางจืด 600 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์สามารถลดพิษที่เกิดจากยาฆ่าแมลงลงได้ชัดเจน
ต้านอนุมูลอิสระ
- นักวิจัยพบว่าสารสกัดจากใบรางจืดสามารถกำจัดอนุมูลอิสระได้ดี เนื่องจากพบสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่สูง
- ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระจะขึ้นกับวิธีการทำชาด้วย ชาที่ทำจากใบสด จะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระดีกว่าชาที่ทำจากใบที่อบแห้ง ตากแดด และชาที่ขายตามท้องตลาด
ต้านการอักเสบ ระงับปวด และลดไข้
- นักวิจัยเจอว่าเซลล์ที่อักเสบจากพยาธิใบไม้ในตับ มีการอักเสบลดลงหลังจากได้รับสารสกัดจากใบรางจืด ทั้งจากใบแห้งและใบสด
- นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดจากใบรางจืดลดอาการอักเสบได้ทันทีในหนูที่หูบวมและเท้าบวม
- มีฤทธิ์ลดไข้เนื่องจากสามารถลดอุณหภูมิร่างกายของหนูได้
ต้านเชื้อแบคทีเรีย
- สารสกัดจากใบรางจืดสามารถยับยั้งเชื้อ Streptococcus pyogenes ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรค เช่น คอหอยอักเสบ โรคตุ่มแผลพุพอง ไข้อีดำอีแดง โรคไฟลามทุ่ง เป็นต้น
- นอกจากนี้ยังสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ชนิด เอ และชนิด บี และมีฤทธิ์ต้านเชื้อเอชไอวีอ่อนๆ
ต้านเชื้อรา
- นักวิจัยทดลองผสมสารสกัดรางจืดกับอาหารให้เป็ดที่ได้รับเชื้อราที่เป็นพิษต่อตับ(อะฟลาทอกซิน บี1) เทียบกับอีกกลุ่มที่ได้รับเชื้อราที่เป็นพิษต่อตับเช่นกันแต่ไม่ได้รับสารสกัดรางจืดพบว่า เป็ดกลุ่มที่ไม่ได้รับสารสกัดรางจืด มีเอนไซม์ตับเพิ่ม แสดงถึงความเป็นพิษต่อตับ และน้ำหนักตัวเป็ดลดลง จะเห็นว่าการกินสารสกัดรางจืดสามารถกำจัดพิษจากเชื้อราตัวนี้ได้
ปกป้องตับ
- นักวิจัยที่ผสมสารสกัดรางจืดในอาหารเป็ดพบว่ารางจืดสามารถบรรเทาความเสียหายต่อตับจากการที่รางจืดสามารถเพิ่มเอนไซม์เผาผลาญ ทำให้ขับสารพิษได้มากขึ้น ลดพิษที่จะเกิดกับตับลง
ต้านเบาหวาน
- สารสกัดจากใบรางจืดสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เนื่องจากในใบมีสารคล้ายอินซูลินซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวลดน้ำตาลในเลือดโดยตรง
สรรพคุณทางเครื่องสำอาง
การแก่ก่อนวัยของผิวและการป้องกันความเสียหายของผิว
- หลักการคร่าวๆ คือ สารที่พบในใบรางจืด เช่น กรดโรสมารินิก ฟลาโวนอยด์ และสารต้านอนุมูลอิสระนั้นสามารถยับยั้งกลุ่มเอนไซม์ในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการทำให้แก่ได้ มีแนวโน้มที่สามารถใช้ประโยชน์ในวงการเครื่องสำอางในอนาคต
ข้อควรระวัง
- นักวิจัยที่ทำการทดลองให้หนูกินสารสกัดจากรางจืดในปริมาณต่างๆ เป็นเวลา 6 เดือน พบว่าที่ปริมาณสูงสุดที่ให้หนูกินไม่ทำให้เกิดพิษสะสมและไม่ทำให้หนูตาย และไม่ทำให้อวัยวะภายในผิดปกติ แต่ทำให้หนูเพศผู้เม็ดเลือดแดงลดลงแต่ยังอยู่ในช่วงปกติ ส่วนหนูเพศเมียมีเม็ดเลือดขาวเพิ่ม แต่ยังอยู่ในช่วงปกติ หนูทั้งสองเพศมีระดับบิลลิรูบินเพิ่ม แต่ยังอยู่ในช่วงปกติ
- ดังนั้นหากใครกินรางจืดปริมาณเยอะๆ ต่อเนื่องนานๆ ควรตรวจเลือดเพื่อดูว่ามีการความผิดปกติหรือไม่ ถ้าให้ดีไม่ควรกินเกิน 16–25 กรัมต่อวัน (ถ้าน้ำหนักตัวน้อยไม่เกิน 16 กรัม ถ้าน้ำหนักตัวเยอะกินไม่เกิน 25) และไม่ควรกินต่อเนื่องนานเกินไป
การรับประทานร่วมกับยาอื่น
- อาจทำให้การเผาผลาญยาบางชนิดเร็วขึ้น(ขับยาอื่นออกเร็วขึ้น) ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพของยาลงได้ ซึ่งอาจเป็นปัญหากับยาที่ต้องกำหนดขนาดยาที่แม่นยำ เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยากดภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้อาจส่งผลต่อยาที่เป็นที่นิยมในการใช้ลดไขมัน เช่น ยากลุ่มสแตติน
วิธีรับประทานเป็นยา
ถอนพิษเบื่อเมา
กรณีที่รู้ตัวก่อนว่าจะไปเจอสารพิษแน่ๆ ให้กินก่อนที่จะไปเจอจะช่วยได้ดีกว่ากินทีหลัง
- แบบชง: รับประทานครั้งละ 2–3 กรัม แช่น้ำร้อน 120–200 มิลลิลิตร (ครั้งแรกกินให้เร็วที่สุดเพื่อถอนพิษ) หลังจากนั้นกินเป็นเวลา วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
- แบบแคปซูล: รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม - 1 กรัม (ครั้งแรกกินให้เร็วที่สุดเพื่อถอนพิษ) หลังจากนั้นกินเป็นเวลา วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
บรรเทาพิษยาฆ่าแมลงหรือโลหะหนัก
กรณีที่รู้ตัวก่อนว่าจะไปเจอสารพิษแน่ๆ ให้กินก่อนที่จะไปเจอจะช่วยได้ดีกว่ากินทีหลัง
- แบบชง: รับประทานครั้งละ 2–3 กรัม แช่น้ำร้อน 120–200 มิลลิลิตร (ครั้งแรกกินให้เร็วที่สุดเพื่อถอนพิษ) หลังจากนั้นกินเป็นเวลา วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
ถอนพิษไข้ แก้ร้อนใน
- แบบชง: รับประทานครั้งละ 2–3 กรัม แช่น้ำร้อน 120–200 มิลลิลิตร หลังจากนั้นกินเป็นเวลา วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น หรือเมื่อมีอาการ
- แบบแคปซูล: รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม - 1 กรัม หลังจากนั้นกินเป็นเวลา วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น หรือเมื่อมีอาการ
วิธีทำชารางจืด
เลือกใบ
- เลือกใบที่กำลังโตไม่อ่อนหรือแก่เกินไปจะมีสารสำคัญทางยาเยอะที่สุด
- ใช้ใบสดดีกว่าถ้าจะอบหรือตากแห้งทำให้สารสำคัญลดลงค่อนข้างเยอะ และชาจากใบสดให้กลิ่นที่ดีกว่าด้วย นอกจากนี้วิธีตากแห้งมีข้อเสียตรงที่เก็บไว้นานๆ สารสำคัญหายเร็วกว่าวิธีอื่น
- ถ้าอยากเก็บใบไว้ใช้วันหลังแนะนำให้ใช้ไมโครเวฟในการทำให้แห้ง โดยใช้เวลาประมาณ 4 นาที แล้วค่อยเก็บ
วิธีทำ
- โขลกหรือบดใบรางจืดให้เป็นชิ้นเล็กๆ หรือละเอียด 2–3 กรัม
- เทน้ำร้อนใส่ทิ้งไว้เหมือนชาปิดฝาไว้สักหน่อยเพื่อให้สารสำคัญจากใบออกมาที่น้ำเยอะๆ สัก 15–30 นาทีหรือสังเกตจากสีว่ามีสีเข้มขึ้น
- ดื่มตามสะดวก
คุณภาพเมื่อเทียบกับชาที่ขายตามท้องตลาด
- ชารางจืดจากใบสดมีแนวโน้มได้สารสำคัญมากกว่าชาในท้องตลาด เนื่องจากชาสดที่ใบยังสีเขียวอยู่ให้ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเยอะกว่าชาที่ทำจากใบอบแห้งที่ไม่มีสีเขียวเหลือแล้ว
- ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของชารางจืดจากวิธีที่ใช้ไมโครเวฟอบแห้งมากกว่าชารางจืดที่ขายในท้องตลาดถึง 6 เท่า (แต่เทียบกับแค่ยี่ห้อเดียว อาจต้องรอผลวิจัยเพิ่มเติมในอนาคต)
Reference
- Junsi, Marasri & Siripongvutikorn, Sunisa. (2016). Thunbergia laurifolia, a traditional herbal tea of Thailand: Botanical, chemical composition, biological properties and processing influence. International Food Research Journal. 23. 923–927.
- Chan, Eric & Lim, Yau. (2006). Antioxidant activity of Thunbergia Laurifolia tea. Journal of Tropical Forest Science. 18.
- Chan, Eric & Eng, Suit Ying & Tan, Yuen & Wong, Zhiew & Lye, Phui & Tan, Lea Ngar. (2012). Antioxidant and Sensory Properties of Thai Herbal Teas with Emphasis on Thunbergia laurifolia Lindl. Chiang Mai Journal of Science. 39. 599.
- Songpol, Pranee, Aimmanas, Jaree, Songpol. (2009). Chronic Toxicity of Thunbergia Laurifolia Lindl. Extract. Journal of Thai Traditional & Alternative Medicine. Vol.7 №1 January-April 2009. 17–25.
- Pattananandecha, Thanawat, Sutasinee Apichai, Jakaphun Julsrigival, Malyn Ungsurungsie, Suched Samuhasaneetoo, Pat Chulasiri, Pakakrong Kwankhao, Supaporn Pitiporn, Fumihiko Ogata, Naohito Kawasaki, and et al. 2021. “Antioxidant Activity and Anti-Photoaging Effects on UVA-Irradiated Human Fibroblasts of Rosmarinic Acid Enriched Extract Prepared from Thunbergia laurifolia Leaves” Plants 10, no. 8: 1648. https://doi.org/10.3390/plants10081648
- Lumsangkul, Chompunut et al. “Antioxidative and Antimycotoxigenic Efficacies of Thunbergia laurifolia Lindl. for Addressing Aflatoxicosis in Cherry Valley Ducks.” Toxins vol. 16,8 334. 27 Jul. 2024, doi:10.3390/toxins16080334
- Urarat, Natthakarn, Kanjana, Piyanuch, Seewaboon, et al. “Effect of Thunbergia laurifolia Lindl. Extract on Anti-Inflammatory, Analgesic and Antipyretic Activity” Journal of the Medical Association of Thailand 100, Suppl.5 (Jun. 2017) S98-S106
- Chaiyana, Wantida et al. “Chemical Constituents, Antioxidant, Anti-MMPs, and Anti-Hyaluronidase Activities of Thunbergia laurifolia Lindl. Leaf Extracts for Skin Aging and Skin Damage Prevention.” Molecules (Basel, Switzerland) vol. 25,8 1923. 21 Apr. 2020, doi:10.3390/molecules25081923
- “National List of Essential Herbal Medicines.” Ministry of Public Health, 2023, https://moph.go.th/national-list-of-essential-herbal-medicines.
- รางจืด — วิกิพีเดีย (wikipedia.org)