ตะไคร้เป็นพืชเขตร้อนที่รู้จักกันดีว่ามีกลิ่นหอมสดชื่นเฉพาะตัว ตะไคร้เป็นพืชที่นิยมใช้กันมากในการปรุงอาหาร ชา และใช้เป็นยาแผนโบราณ ตะไคร้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น รักษาโรคเหงือกอักเสบ โรคเกลื้อนและรังแค ลดริ้วรอย ลดการอักเสบ ลดความเครียด ลดความดันโลหิต รักษาไข้หวัดใหญ่ มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมใช้กันมากในการใช้เป็นยาไล่แมลงจากธรรมชาติ แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรรู้

ข้อมูลทั่วไปของตะไคร้

ชื่อภาษาไทย: ตะไคร้
ชื่อภาษาอังกฤษ: Lemongrass, Citronella, Squinant
ชื่อวิทยาศาสตร์: Cymbopogon citratus
ชื่อภาษาถิ่น: จะไคร, จั๊กไคร(ภาคเหนือ), หัวซิงไค(ภาคอีสาน), ไคร(ภาคใต้), คาหอม(แม่ฮ่องสอน), เชิดเกรย, เหลอะเกรย(เขมร-สุรินทร์), ห่อวอตะโป่(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ส่วนที่ใช้: ใบและต้นทั้งหมด

ตะไคร้เป็นพืชที่มีลำต้นสูง มีใบเรียวสีเขียวสดใส ซึ่งอาจสูงได้ถึง 3 ฟุต ใบมีกลิ่นมะนาวฉุน และมักใช้แบบสดหรือตากแห้งในการทำอาหารและชงเป็นชา ส่วนโคนของต้นตะไคร้จะมีลักษณะคล้ายต้นหอม โดยมีก้านสีขาวเป็นหัว

สรรพคุณแผนโบราณ

ในเอเชีย อเมริกาใต้ และแอฟริกา มีการนำใบตะไคร้มาทำเป็นชาหรือยาต้ม มีสารสำคัญซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ฆ่าเชื้อ ช่วยเรื่องอาหารไม่ย่อย ลดไข้ คลายกล้ามเนื้อ ระงับปวด คลายเครียด และขับปัสสาวะ สามารถใช้เป็นสารระงับกลิ่นกายในผลิตภัณฑ์หลายชนิด เช่น น้ำหอม สบู่ เทียน และสามารถใช้ไล่แมลง นอกจากนี้ยังมีการใช้ไล่งูและสัตว์เลื้อยคลานในบางพื้นที่ของเอเชียและแอฟริกาอีกด้วย เชื่อกันว่าการดื่มชาตะไคร้เป็นประจำจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังใช้เพื่อบรรเทาผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งด้วย


สรรพคุณทางยา

สรรพคุณตะไคร้

โรคเหงือกอักเสบ

งานวิจัยพบว่าน้ำมันหอมระเหยตะไคร้สามารถใช้เป็นทางเลือกแทนน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน(chlorhexidine)ได้ เพราะมีประสิทธิภาพในการลดคราบพลัค โรคเหงือกอักเสบ และกลิ่นปาก นอกจากนี้ในผู้ป่วยโรคปริทันต์อักเสบเรื้อรังระดับปานกลาง การใช้ยาบ้วนปากที่ประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหยตะไคร้หลังการขูดหินปูนและเกลารากฟันทำให้แบคทีเรียในช่องปากลดลงด้วย

โรคเกลื้อนและรังแค

น้ำมันหอมระเหยตะไคร้สามารถรักษาโรคเกลื้อนและรังแคที่เกิดจากยีสต์ที่ชื่อ มาลาซีเซีย(Malassezia) ได้

ดูแลผิว ลดริ้วรอย ลดการอักเสบของผิว

น้ำมันหอมระเหยตะไคร้ มีประสิทธิภาพในการดูแลผิวเนื่องจากมีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรีย ต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ ส่วนประกอบหลัก ได้แก่ ทรานส์ซิทรัลและเนอรัล มีฤทธิ์ต้านการอักเสบอย่างเห็นได้ชัด เมื่อทาเฉพาะที่ จะช่วยรักษาอาการต่างๆ เช่น โรคผิวหนังอักเสบ และปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดริ้วรอย ริ้วรอยจากแสงแดด และผิวแห้ง นอกจากนี้ยังสามารถลดความหยาบกร้านและการอักเสบของผิวได้ด้วยการยับยั้งเอนไซม์ที่ทำลายโครงสร้างของผิว

ลดความเครียด

ผู้ที่ได้รับกลิ่นตะไคร้หอม (3 หรือ 6 หยด) พบว่าความวิตกกังวลและความเครียดลดลงทันทีเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับกลิ่น ถึงแม้ว่าบางคนจะแสดงความวิตกกังวลระหว่างทำกิจกรรม แต่ก็ฟื้นตัวได้ภายใน 5 นาที ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มที่ไม่ได้รับกลิ่นตะไคร้ ซึ่งคล้ายกับการทำงานของไดอะซีแพม(ยาคลายความวิตก)

ลดความดันโลหิต

ผลของยาต้มตะไคร้ต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูง งานวิจัยนี้ศึกษาในคนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงจำนวน 31 คน โดยรับประทานยาต้มตะไคร้ 250 มิลลิลิตร วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 16 สัปดาห์ ผลการศึกษาพบว่ายาต้มตะไคร้สามารถช่วยลดความดันโลหิตได้

รักษาไข้หวัดใหญ่

จากงานวิจัยที่ทดลองในผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัดใหญ่ พบว่าตะไคร้สามารถลดอาการแสดงของไข้หวัดใหญ่และสามารถลดระยะเวลาของการเป็นไข้หวัดใหญ่ด้วย


สรรพคุณอื่นๆ

  • ต้านอนุมูลอิสระ: ตะไคร้มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระดีกว่าผักชี ขิง มะเขือเทศ และกระเทียม แต่น้อยกว่าขมิ้น ยี่หร่าและผงกะหรี่แห้ง
  • ฤทธิ์ลดอาการปวด: มีการศึกษาในหนู โดยให้หนูกินใบตะไคร้ พบว่าสามารถลดอาการปวดในหนูได้
  • บำรุงหัวใจ: ตะไคร้มีประโยชน์ในการปกป้องหัวใจและสามารถช่วยลดกระบวนการที่เป็นอันตรายซึ่งเกี่ยวข้องกับอนุมูลอิสระ โดยการช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย เมื่อใช้ในปริมาณ 200 มก./กก. ต่อน้ำหนักตัว ผลของตะไคร้จะเทียบได้กับวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่รู้จักกันดี
  • นอกจากนี้ตะไคร้ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ คลายหลอดเลือด ขับปัสสาวะ รักษาโรคกลาก รักษาอาการทางประสาท ระบบทางเดินอาหาร และไข้ แต่ต้องได้รับการวิจัยเพิ่มเติมถึงประสิทธิภาพ

ข้อควรระวัง

ข้อควรระวังตะไคร้

  • โดยทั่วไปแล้วตะไคร้หอมปลอดภัยเมื่อรับประทานหรือใช้ภายนอกและในการบำบัดด้วยกลิ่นหอม(aromatherapy) อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่างๆ เช่น การปนเปื้อนของดินและการใช้อย่างไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลเสียได้
  • น้ำมันตะไคร้ใช้เป็นสารขับไล่แมลง แต่หากกินเข้าไปอาจทำให้ผิวหนังระคายเคือง ปอดเสียหาย และอาจเกิดพิษในเด็กได้
  • ตะไคร้สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ผิวหนัง โรคถุงลมอักเสบจากพิษเมื่อสูดดม และเพิ่มระดับอะไมเลสและบิลิรูบิน
  • แม้จะมีความเป็นพิษต่ำ แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากมีฤทธิ์กระตุ้นมดลูก

ประโยชน์ด้านอื่นๆ

  • สารไล่ยุง: น้ำมันตะไคร้หอมมีตะไคร้หอมซึ่งเป็นสารไล่แมลงตามธรรมชาติที่รู้จักกันดี น้ำมันตะไคร้หอมสามารถช่วยป้องกันยุงและแมลงกัดต่อยอื่นๆ ได้เมื่อทาหรือใส่ในเทียนหรือสเปรย์
  • การบำบัดด้วยกลิ่นหอม: น้ำมันหอมระเหยตะไคร้หอมเป็นที่นิยมในอะโรมาเทอราพีเนื่องจากมีกลิ่นหอมสดชื่น เชื่อกันว่าตะไคร้หอมช่วยทำให้จิตใจสงบและลดความเครียด
  • การใช้ประโยชน์ในการทำอาหาร: ตะไคร้เป็นพืชสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้ในการปรุงอาหาร โดยเฉพาะในอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารและเครื่องดื่ม

Reference

  1. Nambiar, Vanisha & Matela, Hema. (2012). Potential Functions of Lemon Grass (Cymbopogon citratus) in Health and Disease. International Journal of Pharmaceutical & Biological Archives 0976–3333. 2012; 3(5):1035–1043.
  2. Shah G, Shri R, Panchal V, Sharma N, Singh B, Mann AS. Scientific basis for the therapeutic use of Cymbopogon citratus, stapf (Lemon grass). J Adv Pharm Technol Res. 2011 Jan;2(1):3–8. doi: 10.4103/2231–4040.79796. PMID: 22171285; PMCID: PMC3217679.
  3. Kusuma IY, Perdana MI, Vágvölgyi C, Csupor D, Takó M. Exploring the Clinical Applications of Lemongrass Essential Oil: A Scoping Review. Pharmaceuticals. 2024; 17(2):159. https://doi.org/10.3390/ph17020159
  4. Lulekal E, Tesfaye S, Gebrechristos S, Dires K, Zenebe T, Zegeye N, Feleke G, Kassahun A, Shiferaw Y, Mekonnen A. Phytochemical analysis and evaluation of skin irritation, acute and sub-acute toxicity of Cymbopogon citratus essential oil in mice and rabbits. Toxicol Rep. 2019 Nov 4;6:1289–1294. doi: 10.1016/j.toxrep.2019.11.002. PMID: 31867219; PMCID: PMC6906703.
  5. Tibenda JJ, Yi Q, Wang X, Zhao Q. Review of phytomedicine, phytochemistry, ethnopharmacology, toxicology, and pharmacological activities of Cymbopogon genus. Front Pharmacol. 2022 Aug 29;13:997918. doi: 10.3389/fphar.2022.997918. Erratum in: Front Pharmacol. 2022 Dec 07;13:1109233. doi: 10.3389/fphar.2022.1109233. PMID: 36105217; PMCID: PMC9465289.
  6. Seema Pradeep, Mahesh C.D and Pravina Koteshwar 2020. RANDOMIZED DOUBLE BLIND PLACEBO CONTROLLED CLINICAL STUDY OF CYMBOPOGAN CITRATUS IN INFLUENZA. AYUSHDHARA. 7, 2 (Jun. 2020), 2643–2655. DOI:https://doi.org/10.47070/ayushdhara.v7i2.539.
  7. Goes, T. C., Ursulino, F. R. C., Almeida-Souza, T. H., Alves, P. B., & Teixeira-Silva, F. (2015). Effect of Lemongrass Aroma on Experimental Anxiety in Humans. The Journal of Alternative and Complementary Medicine, 21(12), 766–773. doi:10.1089/acm.2015.0099