สรุปสั้นๆ — Imodium

  • เป็นยาหยุดถ่าย (ทำให้ถ่ายน้อยลง)
  • ผู้ใหญ่ กินครั้งแรก 2 เม็ด ตามด้วย 1 เม็ดทุกครั้งที่ถ่ายเหลว (แต่ไม่เกิน 6 เม็ดต่อวัน)
  • ไม่ได้ช่วยแก้ภาวะขาดน้ำ และไม่สามารถทดแทนเกลือแร่แก้ท้องเสีย (ORS) ได้
  • ท้องเสียจากการติดเชื้อไม่ควรใช้
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

Imodium คือยาอะไร?

ยายี่ห้อ Imodium (อิโมเดียม) ประกอบด้วยตัวยา Loperamide HCl ซึ่งคนไทยมักจะเรียกยาตัวนี้ว่ายาหยุดถ่าย เพราะเมื่อกินไปแล้วทำให้ถ่ายน้อยลง


Imodium กินยังไง?

ใน 1 แคปซูลประกอบด้วยยา Loperamide HCl 2 mg

💊 ผู้ใหญ่

ท้องเสียเฉียบพลัน

  • เริ่มต้นกิน 2 เม็ด (4 mg)
  • ตามด้วยครั้งละ 1 เม็ด (2 mg) หลังจากการถ่ายอุจจาระเหลวแต่ละครั้ง
  • รวมทั้งวันไม่เกิน 6 เม็ด (12 mg)
  • กินพร้อมอาหารหรือไม่พร้อมก็ได้
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์

แม้ Loperamide จะช่วยให้ถ่ายน้อยลง แต่ร่างกายยังคงสูญเสียน้ำและแร่ธาตุอยู่ จึงควรดื่มเกลือแร่แก้ท้องเสีย(ORS) ร่วมด้วยเสมอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะหากมีอาการถ่ายเหลวหลายครั้ง อ่อนเพลีย หรือปากแห้ง

“ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ทุกครั้ง”

หากใช้ตามคำแนะนำของแพทย์อยู่ ให้ใช้ต่อไป ห้ามปรับขนาดยาเอง

กิน Imodium แล้วไม่ดีขึ้นควรทำอย่างไร?
  • หากกินยาไปแล้ว 2 วัน อาการไม่ดีขึ้นเลย ควรพบแพทย์

Imodium แก้อะไร?

แก้ท้องเสียด้วยการชะลอการเคลื่อนไหวของลำไส้ → ทำให้อาหารและน้ำอยู่ในลำไส้นานขึ้น ร่างกายจึงดูดซึมน้ำกลับได้มากขึ้น อุจจาระจึงข้นขึ้นและถ่ายน้อยลง

Imodium กลไกการออกฤทธิ์เป็นอย่างไร?

กลไกการออกฤทธิ์ของยาโลเพอราไมด์ (Loperamide)

Loperamide → จับกับ μ-opioid receptors ที่ลำไส้ → เกิดผล สองอย่างพร้อมกัน ได้แก่:

🌀 ลดการเคลื่อนไหวของลำไส้  - ทำให้การบีบตัว (peristalsis) ช้าลง → ลดความถี่ในการถ่าย

💧 ลดการหลั่งของเหลวและเกลือแร่จากผนังลำไส้  - โดยเฉพาะเมื่อมีสารกระตุ้น เช่น สารพิษจากแบคทีเรีย  - ผลคืออุจจาระไม่เหลว


โลเพอราไมด์เป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการท้องเสีย โดยออกฤทธิ์หลัก ๆ ผ่านกลไกหลายอย่างดังนี้

  • ชะลอการเคลื่อนที่ของลำไส้: ยาจะทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวช้าลง ทำให้มีเวลาในการดูดซึมน้ำและเกลือแร่กลับเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น จึงช่วยลดอาการท้องเสียได้ (Ruppin, 2007; Baker, 2007).
  • ออกฤทธิ์ต่อตัวรับโอปิออยด์ในลำไส้: Loperamide จะไปจับกับตัวรับชนิดมิว-โอปิออยด์ (mu-opiate receptors) ในลำไส้ ซึ่งจะไปลดการเคลื่อนไหวและการหลั่งของสารต่าง ๆ ในลำไส้ การออกฤทธิ์นี้จะจำกัดอยู่แค่ในลำไส้เท่านั้น เนื่องจากยาไม่สามารถผ่านเข้าสู่สมองได้ (Ooms et al., 1984; Awouters et al., 1993).
  • ลดการหลั่งสารในลำไส้: ยาจะยับยั้งการหลั่งของเหลวและเกลือแร่ในลำไส้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการกระตุ้นจากสารบางชนิด เช่น สารพิษจากอหิวาตกโรค กลไกนี้เกิดจากการออกฤทธิ์ต่อตัวรับโอปิออยด์ และไม่ขึ้นกับวิถี Cyclic AMP (Sandhu et al., 1983).

Imodium ไม่ควรใช้กับท้องเสียแบบไหน?

ยานี้ถึงแม้หลายๆ คนจะรู้สึกว่าดีตรงที่กินไปแล้วทำให้ถ่ายน้อยลง เพราะกลไกของยาคือชะลอการเคลื่อนไหวลำไส้ แต่หากอาการท้องเสียมีสาเหตุจากการติดเชื้อ ทำให้ร่างกายไม่ได้ขับเชื้อออกไปด้วย ยานี้เลยไม่เหมาะกับอาการท้องเสียที่เกิดจากการติดเชื้อ

💡โดยปกติแล้วยา Loperamide(imodium) ไม่ใช่ยาที่แนะนำเป็นอันดับแรกสำหรับท้องเสีย เว้นแต่ว่าถ้าต้องเดินทางหรือทำงานและรู้สึกว่าการถ่ายรบกวนการใช้ชีวิต แต่ก็ต้องมั่นใจว่าไม่ใช่ท้องเสียจากการเชื้อ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิมได้


ข้อควรระวัง / ผลข้างเคียง

ที่พบบ่อย

มักไม่รุนแรงและสามารถหายไปเองได้ เช่น:

  • ท้องผูก
  • ปวดท้องหรือท้องอืด

🚨 อาการอันตรายที่ควรหยุดยาและพบแพทย์ทันที

  • ลมพิษ หายใจลำบาก อาการบวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือคอ (อาจเป็นอาการแพ้ยา)
  • หัวใจเต้นเร็ว(ใช้ยาเกินขนาดอาจเกิดได้)
ผลข้างเคียงหากใช้ยานี้นานๆ
  • ผลต่อหัวใจ: ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ (Lammoglia et al., 2022; Goodnough et al., 2019)
  • ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง: หากใช้เกินขนาด ยาอาจเข้าสมอง → ทำให้เกิดอาการถอนยาเมื่อหยุด (Stanciu & Gnanasegaram, 2017; Chen et al., 2022)
  • ปัญหาทางเดินอาหาร: ใช้เรื้อรังอาจทำให้ลำไส้ทำงานผิดปกติ (Stanciu & Gnanasegaram, 2017)

ใครไม่ควรใช้

🚫ห้ามใช้

  • แพ้ยานี้
  • ถ่ายเป็นเลือดและมีไข้สูง
  • โรคเกี่ยวกับลำไส้

⚠️ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้

ถ้ามีโรคประจำตัว หรือมีปัญหาสุขภาพเหล่านี้ แนะนำปรึกษาก่อนใช้ยาทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย

  • โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • โรคเอดส์
  • ประวัติการใช้สารเสพติด
  • โรคตับ
  • เด็ก
  • ตั้งครรภ์และให้นมบุตร

ยาตีกัน?

  • ⚠️ ยาที่ควรระวังการใช้ร่วมกับ imodium
    • ยาฆ่าเชื้อรา เช่น ketoconazole, itraconazole
    • ยาต้านไวรัส เช่น ritonavir (ยารักษา HIV)
    • ยาลดไขมันบางตัว เช่น gemfibrozil
    • ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น clarithromycin

หากกำลังกินยาในกลุ่มเหล่านี้อยู่ แนะนำให้บอกแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ทุกครั้ง


คำแนะนำสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือกลุ่มเสี่ยง

👶🏻 เด็กกินได้ไหม?
  • ไม่แนะนำให้ใช้ยา Loperamide ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น
    • หายใจช้าหรือหายใจติดขัด
    • ลำไส้หยุดทำงาน (ท้องอืด ไม่ถ่าย)

ผลข้างเคียงในเด็กยังมีข้อมูลไม่มากนัก ทำให้การใช้ยานี้ในเด็กต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น

ผู้สูงอายุกินได้ไหม?

ใช้ได้ แต่ต้องระวัง

📌 ข้อควรระวัง:

  • ถึงแม้จะปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ถ้าใช้ในขนาดสูง หรือในผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่ก่อน อาจเสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

  • ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวหลายโรค หรือกินยาหลายชนิด ต้องใช้ยาอย่างระมัดระวัง และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร

โรคประจำตัว ที่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ imodium
  • โรคเกี่ยวกับลำไส้
  • โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • โรคเอดส์
  • โรคตับ
  • ติดเชื้อรา (ใช้ยากินฆ่าเชื้อราอยู่)
ตั้งครรภ์กินได้ไหม?
  • ไม่ควรใช้ยานี้หากตั้งครรภ์
โรคไตกิน Imodium ได้ไหม?
  • สำหรับผู้ป่วยโรคไต Imodium ถือว่าค่อนข้างปลอดภัยและไม่จำเป็นต้องปรับขนาดยา แต่ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ

คำถามอื่นๆ เกี่ยวกับ Imodium

ยา Imodium กินแล้วง่วงไหม?
ส่วนใหญ่ไม่ง่วง แต่อาจง่วงได้ในบางคน
Imodium ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไร?
  • หาซื้อได้ที่ร้านขายยา
  • ราคาประมาณ 40-50 บาทต่อแผง (6 เม็ด)
  • ราคาขึ้นอยู่กับร้านขายยาแต่ละที่
กิน Imodium แล้วทำไมไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์?
การกิน Imodium(Loperamide) ร่วมกับแอลกอฮอล์ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เช่น อาการง่วงซึม หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว

บทความนี้ได้รับการตรวจสอบโดยเภสัชกร

หมายเหตุ: ข้อมูลนี้อ้างอิงจากคำแนะนำทั่วไปของยา ไม่สามารถทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ส่วนบุคคลได้ และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ยาทุกครั้ง


บทความแนะนำ


อ้างอิง
  1. Baker DE. Loperamide: a pharmacological review. Rev Gastroenterol Disord. 2007;7 Suppl 3:S11-8. PMID: 18192961.
  2. Zhu Z, Li M, Zhao P, Dinh JC, Paine MF. Managing Drug Interactions Involving the Over-the-Counter Opioid Loperamide through Physiologically Based Pharmacokinetic Modeling. Drug Metab Dispos. 2023 May 18;51(6):790-798. doi: 10.1124/jpet.122.266210. Epub 2023 May 18. PMID: 37207901.
  3. Venkatmurthy M, Balaji MD, Sneha M. A rare case of Loperamide toxicity in a neonate. Pediatr Rev Int J Pediatr Res. 2016 Jul 31;3(3):180-182. doi: 10.17511/IJPR.2016.I07.14.
  4. Goodenough R, Nomura M, Badea A, Lynch KL, Benowitz NL, Tsutaoka BT. Loperamide associated torsades de pointes, in the setting of complete heart block at marginally supratherapeutic dosing (20mg/day). Clin Toxicol (Phila). 2019 Feb;57(2):166-167. doi: 10.1080/15563650.2019.1578369. Epub 2019 Feb 19. PMID: 30784347.
  5. Loperamide Side Effects. Available at: https://www.drugs.com/sfx/loperamide-side-effects.html (Accessed: 19 June 2025)